ประวัติศาสตร์ภูฏานและราชวงศ์วังชุก

ประวัติศาสตร์ภูฏานและราชวงศ์วังชุก

ภูฏาน หรือ “ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า” มีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจที่ครอบคลุมตั้งแต่อาณาจักรพุทธโบราณจนถึงราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญในปัจจุบัน นี่คือภาพรวมโดยสังเขปของประวัติศาสตร์ภูฏานตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน

ภูฏานโบราณ (คริสต์ศตวรรษที่ 7-16)

ugyen wangchuck thutob namgyal ugyen dorji in calcutta 1907 f94f87 small | BRR Travel

ประวัติศาสตร์ยุคแรกของภูฏานถูกปกคลุมด้วยตำนาน โดยพุทธศาสนาเข้ามาในศตวรรษที่ 7 ประเทศนี้เดิมรู้จักกันในนาม โล มอน (ดินแดนแห่งความมืดทางใต้) ในปี 747 คศ. คุรุปัทมสัมภวะ (คุรุรินโปเช) นักปราชญ์พุทธศาสนาชาวอินเดียเดินทางมาถึงภูฏาน และสถาปนาพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาและวัฒนธรรมหลัก

เป็นเวลาหลายศตวรรษที่ภูฏานดำรงอยู่ในรูปแบบการปกครองแบบแคว้นเล็กๆ ที่ปกครองโดยผู้นำทางจิตวิญญาณและเจ้าศักดินาต่างๆ โดยไม่มีอำนาจทางการเมืองที่เป็นเอกภาพ

การรวมชาติและยุคชับดรุง (คริสต์ศตวรรษที่ 17)

ชับดรุง 2 1 | BRR Travel
ชับดรุง ลามะชาวทิเบต

ในปี 1616 งาวัง นัมเกล ลามะชาวทิเบตที่รู้จักกันในนามชับดรุง หนีการกดขี่ทางศาสนาในทิเบตและรวมภูฏานเข้าด้วยกัน เขาก่อตั้งระบบการปกครองแบบคู่ขนานที่มีทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณและผู้นำฝ่ายบริหาร สร้างอัตลักษณ์ประจำชาติครั้งแรกของภูฏานและแนวปฏิบัติทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

ชับดรุง | BRR Travel
รูปปัน ชับดรุง ลามะชาวทิเบต

ชับดรุงสร้างป้อมปราการที่เรียกว่า ซง ทั่วประเทศ ซึ่งหลายแห่งยังคงเป็นศูนย์กลางการบริหารและศาสนาจนถึงทุกวันนี้

สงครามกลางเมืองและการเกิดขึ้นของราชาธิปไตย (คริสต์ศตวรรษที่ 18-19)

หลังการสิ้นพระชนม์ของชับดรุง ภูฏานประสบกับการต่อสู้เพื่ออำนาจภายในและสงครามกลางเมือง ผู้ว่าการภูมิภาคหลายคนแข่งขันกันเพื่อแสวงหาอิทธิพล ในขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับความพยายามในการรุกรานจากทิเบตและจักรวรรดิอังกฤษที่กำลังขยายตัวในอินเดีย

ในปี 1864-65 ภูฏานทำสงครามกับอินเดียของอังกฤษ ส่งผลให้สูญเสียดินแดนแต่ยังคงรักษาเอกราชไว้ได้

Bhutan King | BRR Travel
เริ่มจากด้านซ้ายกษัตริย์พระองค์ที่ 1 – ปัจจุบัน

ราชวงศ์วังชุก (1907-ปัจจุบัน)

ในปี 1907 อูเกน วังชุก ผู้ว่าการที่มีอำนาจซึ่งได้ฟื้นฟูความสงบหลังจากสงครามกลางเมืองหลายปี ได้รับเลือกเป็นเอกฉันท์ให้เป็นกษัตริย์สืบสันตติวงศ์องค์แรกของภูฏาน ราชวงศ์วังชุกปกครองภูฏานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

พัฒนาการสำคัญภายใต้ราชาธิปไตย:

  • กษัตริย์องค์แรก อูเกน วังชุก (1907-1926): สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับอินเดียของอังกฤษ
  • กษัตริย์องค์ที่สอง จิกมี วังชุก (1926-1952): รักษาความเป็นกลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
  • กษัตริย์องค์ที่สาม จิกมี ดอร์จี วังชุก (1952-1972): เริ่มการทำให้ทันสมัย ยกเลิกระบบไพร่ เข้าร่วมสหประชาชาติ
  • กษัตริย์องค์ที่สี่ จิกมี ซิงเย วังชุก (1972-2006): สร้างปรัชญาความสุขมวลรวมประชาชาติ เริ่มกระบวนการประชาธิปไตย

ภูฏานสมัยใหม่ (ทศวรรษ 1960-ปัจจุบัน)

ภูฏานเริ่มการทำให้ทันสมัยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในทศวรรษ 1960 โดยสร้างถนน โรงเรียน และโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก ประเทศนี้ยังคงค่อนข้างโดดเดี่ยวจนกระทั่งอนุญาตให้มีโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตในปี 1999

ในปี 2008 ภูฏานเปลี่ยนผ่านจากราชาธิปไตยสมบูรณาญาสิทธิ์เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ กษัตริย์องค์ที่สี่ทรงสละราชสมบัติโดยสมัครพระทัยให้กับพระโอรส จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ซึ่งกลายเป็นกษัตริย์องค์ที่ห้า

ภายใต้กษัตริย์องค์ที่ห้า ภูฏานได้:

  • จัดการเลือกตั้งประชาธิปไตยหลายครั้ง
  • สร้างสมดุลระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมกับการทำให้ทันสมัยอย่างมีเป้าหมาย
  • รักษาสถานะเป็นประเทศคาร์บอนติดลบในฐานะผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม
  • พัฒนาปรัชญา “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” เป็นทางเลือกแทน GDP
  • เปิดรับการท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังในขณะที่รักษามรดกทางวัฒนธรรม

ปัจจุบัน ภูฏานยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในโลก—อาณาจักรเล็กๆ ในเทือกเขาหิมาลัยที่ได้วางเส้นทางของตัวเอง ให้ความสำคัญกับความสุขและความยั่งยืนมากกว่าการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยโดยไม่ละทิ้งค่านิยมทางพุทธศาสนาและประเพณีทางวัฒนธรรม

Leave a Reply