สถานที่ท่องเที่ยวภูฏาน

รวมที่เที่ยวภูฏาน แยกตามเมืองสำคัญ | รู้ก่อนเที่ยวภูฏาน

สำหรับใครที่กำลังวางแผน เที่ยวภูฏาน คำถามหนึ่งที่มักจะตามมาเสมอก็คือ — “มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง?”

ประเทศ ภูฏาน ไม่ได้มีแค่ วัดถ้ำเสือ (Taktsang Monastery) หรือ เมืองพาโร (Paro) เท่านั้น แต่ละเมืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว — บางแห่งโดดเด่นด้านวัดและประวัติศาสตร์ บางแห่งเงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ บางเมืองเหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบเนิบช้า ไม่เร่งรีบ

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ใน 5 เมืองหลักของประเทศ ภูฏาน — ทั้งจุดถ่ายภาพสวย วัดเก่าแก่ ธรรมชาติบริสุทธิ์ และหมู่บ้านที่สะท้อนวิถีชีวิตแบบภูฏานแท้ ๆ

📍 พร้อมทั้งช่วยให้คุณวางแผนเลือกโรงแรม เส้นทางทัวร์ และฤดูกาลเดินทางได้ตรงใจมากขึ้น กับประสบการณ์คุณภาพจาก BRR Travel

สารบัญ (Table of Contents)

เมืองพาโร (Paro)

Paro Valley

เมืองพาโรคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางในประเทศ ภูฏาน สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เพราะเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศ หุบเขาแห่งนี้เงียบสงบ โอบล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำสายเล็กที่ไหลผ่านกลางเมือง บ้านเรือนแบบภูฏานดั้งเดิมเรียงรายริมถนน พร้อมด้วยร้านค้า คาเฟ่ และศูนย์วัฒนธรรมเล็ก ๆ ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวภูฏานแท้ ๆ

📍 วัดถ้ำเสือ (Paro Taktsang – Tiger’s Nest Monastery)

วัดถ้ำเสือ

หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศ ภูฏาน วัดถ้ำเสือ หรือ ทักซัง สร้างอยู่บนหน้าผาสูงกว่า 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระคุรุ รินโปเช (Padmasambhava) ขี่เสือบินมาบำเพ็ญเพียร นักท่องเที่ยวจะต้องเดินป่าขึ้นเขาประมาณ 2–3 ชั่วโมง แต่เมื่อไปถึงจะได้รับรางวัลเป็นวิวหุบเขาพาโรที่งดงามจับใจ

📍 รินปุงซอง (Rinpung Dzong)

Rinpung Dzong

ป้อมปราการและวัดสำคัญของเมืองพาโร สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ปัจจุบันยังคงใช้เป็นศูนย์ราชการและศูนย์ทางศาสนา ตัวอาคารสร้างด้วยไม้และหินตามแบบภูฏานดั้งเดิม ภายในมีภาพจิตรกรรมพุทธศิลป์ และวิวแม่น้ำที่ไหลผ่านด้านล่าง เพิ่มเสน่ห์ให้กับซองแห่งนี้

📍 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน (National Museum of Bhutan)

National Museum

ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือรินปุงซอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นหอคอยป้องกันเมือง ก่อนจะถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณ ภาพวาด ม้วนคัมภีร์พุทธศาสนา และของใช้พื้นบ้าน เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้รากวัฒนธรรมภูฏานในเชิงลึกก่อนออกเดินทางไปยังเมืองอื่น

เมืองทิมพู (Thimphu)

Thimphu Valley

เมืองหลวงของประเทศ ภูฏาน ตั้งอยู่ในหุบเขาที่ระดับความสูงราว 2,334 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นศูนย์กลางของการบริหารราชการ ศาสนา และวัฒนธรรม แม้จะเป็นเมืองหลวง แต่ทิมพูยังคงบรรยากาศสงบ เรียบง่าย ไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณไฟจราจร อาคารบ้านเรือนตกแต่งตามสถาปัตยกรรมท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด ทำให้ทิมพูเป็นเมืองหลวงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

📍 ตาชิโชซอง (Tashichho Dzong)

Tashichho Dzong

ซองสำคัญริมแม่น้ำวังชู สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ปัจจุบันเป็นทั้งสถานที่ทำงานของกษัตริย์ และที่ตั้งของวัดหลวงและหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง ภายในตกแต่งอย่างเรียบขรึมและงดงาม ด้วยไม้แกะสลักและภาพวาดพุทธศิลป์ บรรยากาศสงบ ร่มรื่น และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบางส่วนในช่วงเย็น

📍 พระใหญ่แห่งภูฏาน (Buddha Dordenma)

Buddha Dordenma

พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่บนเนินเขาในหุบเขาทิมพู สูงกว่า 51 เมตร เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในองค์พระมีพระพุทธรูปองค์เล็กประดิษฐานกว่าแสนองค์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระ 60 พรรษาของกษัตริย์องค์ที่ 4 และส่งเสริมสันติภาพโลก จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองทิมพูได้อย่างกว้างไกล

📍 เจดีย์ที่ระลึกในหลวงองค์ที่ 3 (Memorial Chorten)

Memorial Chorten

เจดีย์สีขาวโดดเด่นกลางเมืองทิมพู สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จี วังชุก (กษัตริย์องค์ที่ 3 ของภูฏาน) เป็นจุดที่ชาวภูฏานจำนวนมากมาสวดมนต์ หมุนกงล้อ และทำสมาธิทุกวัน จึงให้บรรยากาศที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธาและสงบ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่ยังคงผูกพันกับศาสนาอย่างลึกซึ้ง

จุดแวะระหว่างทาง: โดชูลาพาส (Dochula Pass)

ก่อนจะเดินทางจาก ทิมพู ไปยัง พูนาคา นักท่องเที่ยวจะได้แวะพักที่ โดชูลาพาส (Dochula Pass) จุดชมวิวบนสันเขาที่ความสูงประมาณ 3,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเปิดมุมมองกว้างไกลไปถึงแนวเทือกเขาหิมาลัย ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส คุณจะได้เห็นยอดเขาหิมะเรียงตัวสุดสายตา บวกกับอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายที่ช่วยปลุกความสดชื่นระหว่างการเดินทาง

จุดเด่นที่สุดคือกลุ่มเจดีย์สีขาวจำนวน 108 องค์ ที่เรียงรายอยู่กลางลานวงกลม เรียกว่า Druk Wangyal Chortens สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงปี 2003 นอกจากนี้ยังมีวัด Druk Wangyal Lhakhang อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งตกแต่งด้วยจิตรกรรมแบบร่วมสมัยที่หาชมได้ยากในภูฏาน

ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงจุดพักรถธรรมดา แต่คือสถานที่ที่ผสานทั้งความศรัทธา ความสงบ และความงามทางธรรมชาติไว้อย่างลงตัว — เหมาะสำหรับการจิบชาร้อน ๆ สูดอากาศสดชื่น และหยุดเก็บภาพความทรงจำก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองพูนาคา

เมืองพูนาคา (Punakha)

Punakha Valley

อดีตเมืองหลวงเก่าของประเทศ ภูฏาน พูนาคาตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร ซึ่งต่ำกว่าเมืองหลักอื่น ๆ ทำให้อากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำโพและแม่น้ำโมไหลมาบรรจบกัน ท่ามกลางฉากหลังของภูเขาเขียวขจี พูนาคาคือเมืองแห่งความอ่อนโยนและจิตวิญญาณ เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าและวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คนริมแม่น้ำ

📍 พูนาคาซอง (Punakha Dzong)

Punakha Dzong

หนึ่งในซองที่สวยงามที่สุดใน ภูฏาน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1637 โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ตัวอาคารตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสองแม่น้ำ บนฐานหินที่ยกระดับขึ้นจากระดับน้ำ ดีไซน์สถาปัตยกรรมแบบภูฏานดั้งเดิมโดดเด่นด้วยผนังสีขาว เสากลมไม้สีแดง และหลังคาสีทอง ซองแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษกและพระศพของกษัตริย์ภูฏานทุกพระองค์

📍 วัดชิมิ ลักขัง (Chimi Lhakhang)

Chimi Lhakhang

วัดขนาดเล็กตั้งอยู่กลางทุ่งนาสีเขียว ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดยพระลามะดรุ๊กปะ คินเลย์ (Drukpa Kunley) หรือที่รู้จักในนาม “ลามะบ้าบิ่น” ผู้เผยแผ่ธรรมด้วยวิธีที่แหวกแนวและอารมณ์ขัน วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะ “วัดแห่งการให้กำเนิด” โดยเฉพาะคู่รักที่ต้องการมีบุตร นิยมมาขอพรเพื่อความสมหวัง

📍 คัมซุม ยูเลย์ นัมเกล โชเตน (Khamsum Yulley Namgyal Chorten)

Khamsum Yulley Namgyal Chorten

เจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขานอกตัวเมืองพูนาคา ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นประมาณ 30–40 นาทีผ่านเส้นทางทุ่งนาและธรรมชาติที่เงียบสงบ สร้างโดยสมเด็จพระราชินีองค์ที่ 3 เพื่อถวายพระราชบุตร และแผ่เมตตาเพื่อสันติสุขของโลก ภายในมีภาพจิตรกรรมและพระพุทธรูปสวยงาม ชั้นดาดฟ้าสามารถชมวิวหุบเขาและแม่น้ำโมได้แบบพาโนรามา

📍 สะพานแขวนพูนาคา (Punakha Suspension Bridge)

Punakha Suspension Bridge

สะพานแขวนไม้ยาวกว่า 160 เมตร พาดผ่านแม่น้ำโม เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งใน ภูฏาน เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านกับพูนาคาซอง บรรยากาศระหว่างเดินเต็มไปด้วยธงมนต์หลากสีที่ปลิวไสวตามสายลม เสริมพลังศรัทธาและความสงบ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ หรือชมทัศนียภาพของหุบเขาอย่างผ่อนคลาย

เมืองวังดูโพดรัง (Wangdue Phodrang)

Wangdue Phodrang

เมืองวังดูโพดรัง (Wangdue Phodrang) ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างทิมพูและหุบเขาทางตะวันออกของประเทศ ภูฏาน ตัวเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางเนินเขาสูงต่ำสลับกัน มีภูมิประเทศที่เงียบสงบและเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติแบบลึกซึ้ง

เมืองนี้ถือเป็นจุดตั้งต้นของการเดินทางสู่ หุบเขาผอบจิกะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการอนุรักษ์นกกระเรียนคอดำในฤดูหนาว แม้ตัวเมืองจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวผ่านวิถีชีวิตของชาวบ้าน การเกษตรบนเนินเขา และการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ

วังดูโพดรังจึงเป็นเมืองที่มักถูกมองข้าม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยพลังแห่งความสงบและบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการ “หยุดเวลา” และสัมผัสความงามที่ไม่เร่งรีบของ ภูฏาน

📍 หุบเขาโพพจิกะ (Phobjikha Valley)

Phobjikha Valley

หุบเขาโพพจิกะ (Phobjikha Valley) คือหุบเขารูปตัว U ขนาดใหญ่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 3,000 เมตร ตั้งอยู่ในเขตเมืองวังดูโพดรัง ประเทศ ภูฏาน พื้นที่แห่งนี้ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ป่าสน และหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์

หุบเขาโพพจิกะมีชื่อเสียงว่าเป็นถิ่นอาศัยของ “นกกระเรียนคอดำ” (Black-necked Cranes) ซึ่งอพยพมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี การได้ชมฝูงนกเหล่านี้ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ วิถีชีวิต และต้องการใช้เวลาท่ามกลางความสงบแบบเนิบช้าของ ภูฏาน

📍 วัดกังเต (Gangtey Monastery)

Gangtey Monastery

วัดกังเต (Gangtey Monastery) หรือที่รู้จักในชื่อ กังเต โกเอ็มปา (Gangtey Goenpa) เป็นวัดสายญิกเต็นในพุทธวัชรยาน ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือหุบเขาผอบจิกะ ประเทศ ภูฏาน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยพระลามะเปมากิง ผู้สืบเชื้อสายทางศาสนาโดยตรงจากพระศากยมุนี

ตัววัดมีสถาปัตยกรรมแบบภูฏานดั้งเดิม โดดเด่นด้วยอาคารไม้หลังใหญ่ ลานกว้าง และลวดลายพุทธศิลป์ที่วิจิตรงดงาม เป็นศูนย์กลางศาสนาในภูมิภาคตะวันตกของประเทศ และยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลหน้ากากประจำปี “Gangtey Tshechu” ที่ดึงดูดผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวจากทั่วภูฏาน

จากตัววัด นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวหุบเขาผอบจิกะได้แบบพาโนรามา พร้อมกับสัมผัสพลังความสงบและศรัทธาอันลึกซึ้งของชุมชนรอบวัด

📍 เส้นทางธรรมชาติกังเต (Gangte Nature Trail)

Gangte Nature Trail

เส้นทางธรรมชาติกังเต (Gangte Nature Trail) เป็นเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่ได้รับความนิยมในหุบเขาผอบจิกะ ประเทศ ภูฏาน โดยเริ่มต้นจากหมู่บ้านกังเตและสิ้นสุดใกล้วัดกังเต

ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวจะได้เดินผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ป่าสนที่เงียบสงบ ลำธารใส และทิวทัศน์หุบเขาอันงดงาม เส้นทางนี้เหมาะสำหรับทุกวัย ไม่ชันมาก และใช้เวลาเพียง 1–2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ ชมธรรมชาติ หรือใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างสงบ

ในฤดูหนาว หากโชคดีอาจได้พบ “นกกระเรียนคอดำ” ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เพิ่มความพิเศษให้กับการเดินทาง เส้นทางนี้จึงเป็นเหมือนประตูเชื่อมต่อระหว่างศรัทธา วัฒนธรรม และธรรมชาติอย่างกลมกลืน

เมืองฮา (Haa)

Haa Valley

เมืองฮา (Haa) เป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกของประเทศ ภูฏาน ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนทิเบต มีความสูงราว 2,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โอบล้อมด้วยหุบเขาเขียวขจีและลำธารธรรมชาติ เมืองนี้ยังคงความดั้งเดิมของวิถีชีวิตชาวภูฏานไว้อย่างเหนียวแน่น

ด้วยบรรยากาศเงียบสงบ บ้านเรือนแบบดั้งเดิม และผู้คนที่เป็นมิตร เมืองฮาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความเร่งรีบ มาสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังเป็นทางผ่านสู่จุดชมวิวระดับตำนาน “เชเลลาพาส (Chelela Pass)” ที่สามารถมองเห็นยอดเขาหิมาลัยได้ในวันที่อากาศแจ่มใส

📍 จุดชมวิวเชเลลาพาส (Chelela Pass)

Chelela Pass

จุดชมวิวเชเลลาพาส (Chelela Pass) คือช่องเขาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ภูฏาน ตั้งอยู่บนสันเขาระหว่างเมืองพาโรและเมืองฮา ที่ระดับความสูงกว่า 3,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

จากจุดนี้สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัยที่ปกคลุมด้วยหิมะในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ท่ามกลางธงมนต์หลากสีที่โบกสะบัดตามแรงลมสองข้างทาง เกิดเป็นบรรยากาศแห่งศรัทธาและพลังธรรมชาติอันน่าประทับใจ

เป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเส้นทางระหว่างเมืองพาโรและฮา เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ ชมวิว หรือเพียงแค่หยุดหายใจลึก ๆ รับพลังแห่งขุนเขาอย่างเงียบงาม

📍 วัดซัมเต็ง (Samtenling Lhakhang)

วัดซัมเต็ง (Samtenling Lhakhang) เป็นวัดขนาดเล็กตั้งอยู่ในหมู่บ้านซัมเต็ง อันเงียบสงบท่ามกลางหุบเขาของเมืองฮา ประเทศ ภูฏาน วัดแห่งนี้สะท้อนความเรียบง่ายของพุทธศิลป์ท้องถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในละแวกนั้น

รอบวัดโอบล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ลำธารไหลเบา และบ้านไม้แบบภูฏานดั้งเดิม บรรยากาศสงบร่มรื่นเหมาะแก่การทำสมาธิ หรือใช้เวลาเงียบ ๆ เพื่อซึมซับความสงบทางจิตใจ

แม้จะไม่ใช่วัดใหญ่โต แต่วัดซัมเต็งมีคุณค่าในฐานะศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชุมชนท้องถิ่น และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความผูกพันระหว่างชาวบ้านกับศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง

📍 วิถีชีวิตหมู่บ้านฮา (Haa Village)

หมู่บ้านฮา (Haa Village) เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาว ภูฏาน ได้อย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางหุบเขาเงียบสงบ หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านไม้แบบภูฏานดั้งเดิมหลังใหญ่ที่สร้างด้วยมือ มีลวดลายประดับหน้าต่างและผนังอย่างประณีต

ผู้คนในหมู่บ้านยังดำรงชีวิตด้วยการทอผ้า ทำเกษตรกรรมแบบพึ่งพาธรรมชาติ และมีศูนย์กลางชีวิตอยู่ที่วัดในชุมชน ภายในบ้านแต่ละหลังมักมีแท่นบูชาสำหรับสวดมนต์ในทุกเช้าเย็น แสดงถึงความศรัทธาอันฝังลึกในศาสนาและวิถีชีวิตเรียบง่าย

การเดินชมหมู่บ้านฮา คือการได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสงบ ความเป็นกันเอง และความอ่อนโยนของวัฒนธรรมภูฏานที่ยังไม่ถูกแตะต้องจากความเร่งรีบของโลกสมัยใหม่

จะเลือกเมืองไหนดี?

แต่ละเมืองในประเทศ ภูฏาน มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป — ไม่ว่าคุณจะชอบธรรมชาติ วัดเก่า วิถีชีวิต หรือวิวภูเขา บทสรุปด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกจุดหมายได้ง่ายขึ้น

ชอบธรรมชาติ / ทุ่งโล่ง / เส้นทางเดินป่า: วังดูโพดรัง / ฮา
ชอบวัดเก่าแก่ / เรื่องราวทางศาสนา: ทิมพู / พาโร
ชอบวิวมุมสูง / ฟ้าสีคราม / ถ่ายภาพ: พาโร / ฮา / เชเลลาพาส
ต้องการความสงบ เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ: ฮา / หุบเขาผอบจิกะกะ

หากคุณยังลังเล BRR Travel ยินดีให้คำปรึกษาและวางแผนเส้นทางที่เหมาะกับสไตล์ของคุณที่สุด เพราะเราเชื่อว่า “คนส่วนใหญ่ไปภูฏานแค่ครั้งเดียวในชีวิต” — เราจึงอยากให้คุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดกลับมา

Leave a Reply