รวมที่เที่ยวภูฏาน แยกตามเมืองสำคัญ | รู้ก่อนเที่ยวภูฏาน
สำหรับใครที่กำลังวางแผน เที่ยวภูฏาน คำถามหนึ่งที่มักจะตามมาเสมอก็คือ — “มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง?”
ประเทศ ภูฏาน ไม่ได้มีแค่ วัดถ้ำเสือ (Taktsang Monastery) หรือ เมืองพาโร (Paro) เท่านั้น แต่ละเมืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว — บางแห่งโดดเด่นด้านวัดและประวัติศาสตร์ บางแห่งเงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ บางเมืองเหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบเนิบช้า ไม่เร่งรีบ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ใน 5 เมืองหลักของประเทศ ภูฏาน — ทั้งจุดถ่ายภาพสวย วัดเก่าแก่ ธรรมชาติบริสุทธิ์ และหมู่บ้านที่สะท้อนวิถีชีวิตแบบภูฏานแท้ ๆ
📍 พร้อมทั้งช่วยให้คุณวางแผนเลือกโรงแรม เส้นทางทัวร์ และฤดูกาลเดินทางได้ตรงใจมากขึ้น กับประสบการณ์คุณภาพจาก BRR Travel
สารบัญ (Table of Contents)
เมืองพาโร (Paro)
เมืองพาโรคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางในประเทศ ภูฏาน สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เพราะเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศ หุบเขาแห่งนี้เงียบสงบ โอบล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำสายเล็กที่ไหลผ่านกลางเมือง บ้านเรือนแบบภูฏานดั้งเดิมเรียงรายริมถนน พร้อมด้วยร้านค้า คาเฟ่ และศูนย์วัฒนธรรมเล็ก ๆ ที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวภูฏานแท้ ๆ
📍 วัดถ้ำเสือ (Paro Taktsang – Tiger’s Nest Monastery)
หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศ ภูฏาน วัดถ้ำเสือ หรือ ทักซัง สร้างอยู่บนหน้าผาสูงกว่า 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระคุรุ รินโปเช (Padmasambhava) ขี่เสือบินมาบำเพ็ญเพียร นักท่องเที่ยวจะต้องเดินป่าขึ้นเขาประมาณ 2–3 ชั่วโมง แต่เมื่อไปถึงจะได้รับรางวัลเป็นวิวหุบเขาพาโรที่งดงามจับใจ
📍 รินปุงซอง (Rinpung Dzong)
ป้อมปราการและวัดสำคัญของเมืองพาโร สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ปัจจุบันยังคงใช้เป็นศูนย์ราชการและศูนย์ทางศาสนา ตัวอาคารสร้างด้วยไม้และหินตามแบบภูฏานดั้งเดิม ภายในมีภาพจิตรกรรมพุทธศิลป์ และวิวแม่น้ำที่ไหลผ่านด้านล่าง เพิ่มเสน่ห์ให้กับซองแห่งนี้
📍 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน (National Museum of Bhutan)
ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือรินปุงซอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นหอคอยป้องกันเมือง ก่อนจะถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณ ภาพวาด ม้วนคัมภีร์พุทธศาสนา และของใช้พื้นบ้าน เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้รากวัฒนธรรมภูฏานในเชิงลึกก่อนออกเดินทางไปยังเมืองอื่น
เมืองทิมพู (Thimphu)
เมืองหลวงของประเทศ ภูฏาน ตั้งอยู่ในหุบเขาที่ระดับความสูงราว 2,334 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นศูนย์กลางของการบริหารราชการ ศาสนา และวัฒนธรรม แม้จะเป็นเมืองหลวง แต่ทิมพูยังคงบรรยากาศสงบ เรียบง่าย ไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณไฟจราจร อาคารบ้านเรือนตกแต่งตามสถาปัตยกรรมท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด ทำให้ทิมพูเป็นเมืองหลวงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
📍 ตาชิโชซอง (Tashichho Dzong)
ซองสำคัญริมแม่น้ำวังชู สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ปัจจุบันเป็นทั้งสถานที่ทำงานของกษัตริย์ และที่ตั้งของวัดหลวงและหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง ภายในตกแต่งอย่างเรียบขรึมและงดงาม ด้วยไม้แกะสลักและภาพวาดพุทธศิลป์ บรรยากาศสงบ ร่มรื่น และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบางส่วนในช่วงเย็น
📍 พระใหญ่แห่งภูฏาน (Buddha Dordenma)
พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่บนเนินเขาในหุบเขาทิมพู สูงกว่า 51 เมตร เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในองค์พระมีพระพุทธรูปองค์เล็กประดิษฐานกว่าแสนองค์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวาระ 60 พรรษาของกษัตริย์องค์ที่ 4 และส่งเสริมสันติภาพโลก จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองทิมพูได้อย่างกว้างไกล
📍 เจดีย์ที่ระลึกในหลวงองค์ที่ 3 (Memorial Chorten)
เจดีย์สีขาวโดดเด่นกลางเมืองทิมพู สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จี วังชุก (กษัตริย์องค์ที่ 3 ของภูฏาน) เป็นจุดที่ชาวภูฏานจำนวนมากมาสวดมนต์ หมุนกงล้อ และทำสมาธิทุกวัน จึงให้บรรยากาศที่เปี่ยมด้วยพลังศรัทธาและสงบ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่ยังคงผูกพันกับศาสนาอย่างลึกซึ้ง
จุดแวะระหว่างทาง: โดชูลาพาส (Dochula Pass)
ก่อนจะเดินทางจาก ทิมพู ไปยัง พูนาคา นักท่องเที่ยวจะได้แวะพักที่ โดชูลาพาส (Dochula Pass) จุดชมวิวบนสันเขาที่ความสูงประมาณ 3,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเปิดมุมมองกว้างไกลไปถึงแนวเทือกเขาหิมาลัย ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส คุณจะได้เห็นยอดเขาหิมะเรียงตัวสุดสายตา บวกกับอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายที่ช่วยปลุกความสดชื่นระหว่างการเดินทางจุดเด่นที่สุดคือกลุ่มเจดีย์สีขาวจำนวน 108 องค์ ที่เรียงรายอยู่กลางลานวงกลม เรียกว่า Druk Wangyal Chortens สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงปี 2003 นอกจากนี้ยังมีวัด Druk Wangyal Lhakhang อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งตกแต่งด้วยจิตรกรรมแบบร่วมสมัยที่หาชมได้ยากในภูฏาน
ที่นี่จึงไม่ได้เป็นเพียงจุดพักรถธรรมดา แต่คือสถานที่ที่ผสานทั้งความศรัทธา ความสงบ และความงามทางธรรมชาติไว้อย่างลงตัว — เหมาะสำหรับการจิบชาร้อน ๆ สูดอากาศสดชื่น และหยุดเก็บภาพความทรงจำก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองพูนาคา
เมืองพูนาคา (Punakha)
อดีตเมืองหลวงเก่าของประเทศ ภูฏาน พูนาคาตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,200 เมตร ซึ่งต่ำกว่าเมืองหลักอื่น ๆ ทำให้อากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำโพและแม่น้ำโมไหลมาบรรจบกัน ท่ามกลางฉากหลังของภูเขาเขียวขจี พูนาคาคือเมืองแห่งความอ่อนโยนและจิตวิญญาณ เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าและวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คนริมแม่น้ำ
📍 พูนาคาซอง (Punakha Dzong)
หนึ่งในซองที่สวยงามที่สุดใน ภูฏาน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1637 โดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ตัวอาคารตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสองแม่น้ำ บนฐานหินที่ยกระดับขึ้นจากระดับน้ำ ดีไซน์สถาปัตยกรรมแบบภูฏานดั้งเดิมโดดเด่นด้วยผนังสีขาว เสากลมไม้สีแดง และหลังคาสีทอง ซองแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษกและพระศพของกษัตริย์ภูฏานทุกพระองค์
📍 วัดชิมิ ลักขัง (Chimi Lhakhang)
วัดขนาดเล็กตั้งอยู่กลางทุ่งนาสีเขียว ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดยพระลามะดรุ๊กปะ คินเลย์ (Drukpa Kunley) หรือที่รู้จักในนาม “ลามะบ้าบิ่น” ผู้เผยแผ่ธรรมด้วยวิธีที่แหวกแนวและอารมณ์ขัน วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะ “วัดแห่งการให้กำเนิด” โดยเฉพาะคู่รักที่ต้องการมีบุตร นิยมมาขอพรเพื่อความสมหวัง
📍 คัมซุม ยูเลย์ นัมเกล โชเตน (Khamsum Yulley Namgyal Chorten)
เจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขานอกตัวเมืองพูนาคา ใช้เวลาเดินเท้าขึ้นประมาณ 30–40 นาทีผ่านเส้นทางทุ่งนาและธรรมชาติที่เงียบสงบ สร้างโดยสมเด็จพระราชินีองค์ที่ 3 เพื่อถวายพระราชบุตร และแผ่เมตตาเพื่อสันติสุขของโลก ภายในมีภาพจิตรกรรมและพระพุทธรูปสวยงาม ชั้นดาดฟ้าสามารถชมวิวหุบเขาและแม่น้ำโมได้แบบพาโนรามา
📍 สะพานแขวนพูนาคา (Punakha Suspension Bridge)
สะพานแขวนไม้ยาวกว่า 160 เมตร พาดผ่านแม่น้ำโม เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งใน ภูฏาน เชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านกับพูนาคาซอง บรรยากาศระหว่างเดินเต็มไปด้วยธงมนต์หลากสีที่ปลิวไสวตามสายลม เสริมพลังศรัทธาและความสงบ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ หรือชมทัศนียภาพของหุบเขาอย่างผ่อนคลาย
เมืองวังดูโพดรัง (Wangdue Phodrang)
เมืองวังดูโพดรัง (Wangdue Phodrang) ตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างทิมพูและหุบเขาทางตะวันออกของประเทศ ภูฏาน ตัวเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางเนินเขาสูงต่ำสลับกัน มีภูมิประเทศที่เงียบสงบและเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติแบบลึกซึ้ง
เมืองนี้ถือเป็นจุดตั้งต้นของการเดินทางสู่ หุบเขาผอบจิกะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการอนุรักษ์นกกระเรียนคอดำในฤดูหนาว แม้ตัวเมืองจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวผ่านวิถีชีวิตของชาวบ้าน การเกษตรบนเนินเขา และการใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
วังดูโพดรังจึงเป็นเมืองที่มักถูกมองข้าม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยพลังแห่งความสงบและบรรยากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการ “หยุดเวลา” และสัมผัสความงามที่ไม่เร่งรีบของ ภูฏาน
📍 หุบเขาโพพจิกะ (Phobjikha Valley)
หุบเขาโพพจิกะ (Phobjikha Valley) คือหุบเขารูปตัว U ขนาดใหญ่ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 3,000 เมตร ตั้งอยู่ในเขตเมืองวังดูโพดรัง ประเทศ ภูฏาน พื้นที่แห่งนี้ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ป่าสน และหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์
หุบเขาโพพจิกะมีชื่อเสียงว่าเป็นถิ่นอาศัยของ “นกกระเรียนคอดำ” (Black-necked Cranes) ซึ่งอพยพมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี การได้ชมฝูงนกเหล่านี้ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ วิถีชีวิต และต้องการใช้เวลาท่ามกลางความสงบแบบเนิบช้าของ ภูฏาน
📍 วัดกังเต (Gangtey Monastery)
วัดกังเต (Gangtey Monastery) หรือที่รู้จักในชื่อ กังเต โกเอ็มปา (Gangtey Goenpa) เป็นวัดสายญิกเต็นในพุทธวัชรยาน ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือหุบเขาผอบจิกะ ประเทศ ภูฏาน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยพระลามะเปมากิง ผู้สืบเชื้อสายทางศาสนาโดยตรงจากพระศากยมุนี
ตัววัดมีสถาปัตยกรรมแบบภูฏานดั้งเดิม โดดเด่นด้วยอาคารไม้หลังใหญ่ ลานกว้าง และลวดลายพุทธศิลป์ที่วิจิตรงดงาม เป็นศูนย์กลางศาสนาในภูมิภาคตะวันตกของประเทศ และยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลหน้ากากประจำปี “Gangtey Tshechu” ที่ดึงดูดผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวจากทั่วภูฏาน
จากตัววัด นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวหุบเขาผอบจิกะได้แบบพาโนรามา พร้อมกับสัมผัสพลังความสงบและศรัทธาอันลึกซึ้งของชุมชนรอบวัด
📍 เส้นทางธรรมชาติกังเต (Gangte Nature Trail)
เส้นทางธรรมชาติกังเต (Gangte Nature Trail) เป็นเส้นทางเดินป่าระยะสั้นที่ได้รับความนิยมในหุบเขาผอบจิกะ ประเทศ ภูฏาน โดยเริ่มต้นจากหมู่บ้านกังเตและสิ้นสุดใกล้วัดกังเต
ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวจะได้เดินผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี ป่าสนที่เงียบสงบ ลำธารใส และทิวทัศน์หุบเขาอันงดงาม เส้นทางนี้เหมาะสำหรับทุกวัย ไม่ชันมาก และใช้เวลาเพียง 1–2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ ชมธรรมชาติ หรือใช้เวลาอยู่กับตัวเองอย่างสงบ
ในฤดูหนาว หากโชคดีอาจได้พบ “นกกระเรียนคอดำ” ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เพิ่มความพิเศษให้กับการเดินทาง เส้นทางนี้จึงเป็นเหมือนประตูเชื่อมต่อระหว่างศรัทธา วัฒนธรรม และธรรมชาติอย่างกลมกลืน
เมืองฮา (Haa)
เมืองฮา (Haa) เป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกของประเทศ ภูฏาน ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนทิเบต มีความสูงราว 2,700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โอบล้อมด้วยหุบเขาเขียวขจีและลำธารธรรมชาติ เมืองนี้ยังคงความดั้งเดิมของวิถีชีวิตชาวภูฏานไว้อย่างเหนียวแน่น
ด้วยบรรยากาศเงียบสงบ บ้านเรือนแบบดั้งเดิม และผู้คนที่เป็นมิตร เมืองฮาเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความเร่งรีบ มาสัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังเป็นทางผ่านสู่จุดชมวิวระดับตำนาน “เชเลลาพาส (Chelela Pass)” ที่สามารถมองเห็นยอดเขาหิมาลัยได้ในวันที่อากาศแจ่มใส
📍 จุดชมวิวเชเลลาพาส (Chelela Pass)
จุดชมวิวเชเลลาพาส (Chelela Pass) คือช่องเขาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ภูฏาน ตั้งอยู่บนสันเขาระหว่างเมืองพาโรและเมืองฮา ที่ระดับความสูงกว่า 3,800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
จากจุดนี้สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัยที่ปกคลุมด้วยหิมะในวันที่อากาศปลอดโปร่ง ท่ามกลางธงมนต์หลากสีที่โบกสะบัดตามแรงลมสองข้างทาง เกิดเป็นบรรยากาศแห่งศรัทธาและพลังธรรมชาติอันน่าประทับใจ
เป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเส้นทางระหว่างเมืองพาโรและฮา เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ ชมวิว หรือเพียงแค่หยุดหายใจลึก ๆ รับพลังแห่งขุนเขาอย่างเงียบงาม
📍 วัดซัมเต็ง (Samtenling Lhakhang)
วัดซัมเต็ง (Samtenling Lhakhang) เป็นวัดขนาดเล็กตั้งอยู่ในหมู่บ้านซัมเต็ง อันเงียบสงบท่ามกลางหุบเขาของเมืองฮา ประเทศ ภูฏาน วัดแห่งนี้สะท้อนความเรียบง่ายของพุทธศิลป์ท้องถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในละแวกนั้น
รอบวัดโอบล้อมด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี ลำธารไหลเบา และบ้านไม้แบบภูฏานดั้งเดิม บรรยากาศสงบร่มรื่นเหมาะแก่การทำสมาธิ หรือใช้เวลาเงียบ ๆ เพื่อซึมซับความสงบทางจิตใจ
แม้จะไม่ใช่วัดใหญ่โต แต่วัดซัมเต็งมีคุณค่าในฐานะศูนย์กลางแห่งศรัทธาของชุมชนท้องถิ่น และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความผูกพันระหว่างชาวบ้านกับศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง
📍 วิถีชีวิตหมู่บ้านฮา (Haa Village)
หมู่บ้านฮา (Haa Village) เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาว ภูฏาน ได้อย่างลึกซึ้ง ท่ามกลางหุบเขาเงียบสงบ หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านไม้แบบภูฏานดั้งเดิมหลังใหญ่ที่สร้างด้วยมือ มีลวดลายประดับหน้าต่างและผนังอย่างประณีต
ผู้คนในหมู่บ้านยังดำรงชีวิตด้วยการทอผ้า ทำเกษตรกรรมแบบพึ่งพาธรรมชาติ และมีศูนย์กลางชีวิตอยู่ที่วัดในชุมชน ภายในบ้านแต่ละหลังมักมีแท่นบูชาสำหรับสวดมนต์ในทุกเช้าเย็น แสดงถึงความศรัทธาอันฝังลึกในศาสนาและวิถีชีวิตเรียบง่าย
การเดินชมหมู่บ้านฮา คือการได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสความสงบ ความเป็นกันเอง และความอ่อนโยนของวัฒนธรรมภูฏานที่ยังไม่ถูกแตะต้องจากความเร่งรีบของโลกสมัยใหม่
จะเลือกเมืองไหนดี?
แต่ละเมืองในประเทศ ภูฏาน มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป — ไม่ว่าคุณจะชอบธรรมชาติ วัดเก่า วิถีชีวิต หรือวิวภูเขา บทสรุปด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกจุดหมายได้ง่ายขึ้น
✅ ชอบวัดเก่าแก่ / เรื่องราวทางศาสนา: ทิมพู / พาโร
✅ ชอบวิวมุมสูง / ฟ้าสีคราม / ถ่ายภาพ: พาโร / ฮา / เชเลลาพาส
✅ ต้องการความสงบ เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ: ฮา / หุบเขาผอบจิกะกะ
หากคุณยังลังเล BRR Travel ยินดีให้คำปรึกษาและวางแผนเส้นทางที่เหมาะกับสไตล์ของคุณที่สุด เพราะเราเชื่อว่า “คนส่วนใหญ่ไปภูฏานแค่ครั้งเดียวในชีวิต” — เราจึงอยากให้คุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดกลับมา